ถ้าคุณเลือกเดินตามคนอื่น คุณก็จะถูกคนข้างหน้าบัง แต่ถ้าคุณเลือกเดินออกนอกทาง อย่างน้อยก็ยังมีคนมองเห็นคุณ
ข้อคิดนี้ นอกจากจะนำไปใช้ได้ดีกับการทำธุรกิจ การตลาด และสาขาวิชาชีพอื่นๆแล้ว ผมยังเชื่อว่า มันจะช่วยสร้างทัศนคติที่ดี เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น
แต่ถ้าคุณจำเป็นด้วยเงื่อนไขอะไรก็แล้วแต่ การเดินตามเส้นทางที่คนอื่นเดินก็ไม่ได้ผิด แต่จังหวะ หรือ ลีลาการเดิน ก็ต้องมีเสน่ห์โดดเด่นพอ ที่ทุกคนจะมองมาที่คุณ ถึงแม้จะมีคนเดินอยู่ก่อนก็ตามที
.
นี่ก็เป็นอีกงานครับ ที่ผมใช้เวลาเกือบปี คิดและวางแผนทุกขั้นตอนเพื่อให้ตอบทุกเงื่อนไขที่มี ผมบอกกับตัวเองว่า จะไม่ดื้อรั้นที่จะเดินออกนอกทาง ถ้าต้องใช้ดาราก็ต้องใช้ ถ้าจะถ่ายสนามบินก็จะถ่าย ถ้าจะไปสถานที่เที่ยวต่างๆก็จะทำ เพียงแต่จะหาจังหวะการเดินใหม่ ที่แปลกจากที่เคย เพื่อให้สิ่งที่กำลังจะทำ มันโดดเด้งออกมา กลายเป็นจุดที่น่าสนใจ
ในเงื่อนไขที่ผมต้องทำตาม มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สะดุดความรู้สึกผม นั่นคือ สโลแกนที่ลูกค้าใช้มาตลอด Asia’s Boutique Airline ผมค้นหาข้อมูลและความหมายที่ซ่อนอยู่ จนพบว่ามีความสวยงามมากมายอยู่ในนั้น ผมตัดสินใจทันทีครับที่จะเริ่มต้นงานทั้งหมดจากคำว่า “Boutique” และพูดกับตัวเองว่า จะทำให้คำนี้ เกิดเป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ
.
นั่นจึงเป็นที่มาของแนวคิด The Power of Boutique ที่ผมใช้เป็นรันเวย์ในการเทคออฟงานทั้งหมด แต่อย่างที่บอก รันเวย์นี้มีองค์ประกอบที่บังคับไว้อยู่ ที่ผมไม่อาจละเลยได้
.
ดารา การขายของ ที่เที่ยว ข้อจำกัด เงิน ทีมงาน เวลา ความพร้อม โปรดักชั่น โฆษก ผู้บริโภค ทุกอย่างคือรายละเอียดที่ผมต้องคำนึง มันเป็นแรงกดดันมหาศาล ที่จะควบคุมทิศทางของงาน ให้เป็นไปให้ได้อย่างใจ
.
สคริปท์สุดท้ายของหนังเรื่องนี้ เขียนเสร็จที่เชียงใหม่ครับ แต่ถ้าคุณรู้จักเพลง SHOTS ของ Imagine Dragon ทุกอย่างเริ่มจากเพลงนี้ มีคนจำนวนมากขอดูพรีเซนตเตชั่นที่บ้าพลังของผม
“ผมบ้าไปแล้วครับ” ผมพูดขณะซ้อมพรีเซนต์ครั้งที่สาม และหลังชั่วโมงพรีเซนต์เสร็จ ผมบินกลับเชียงใหม่ พร้อมรอยยิ้มและแบกความคาดหวังอันหนักอึ้งอีกครั้ง
.
ขณะที่ทุกคนดีใจ แต่ผมนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว ที่ร้านหมาล่าหน้ากองบินเชียงใหม่ พร้อมกับความคิดที่ว่า “จะพังมั้ยว่ะงานนี้” ผมนั่งอ่านสคริปท์ที่ผมเขียนเองอีกครั้ง มันดูยาก ดูแปลก ดูซับซ้อน ดูเยอะ ดูวุ่นวาย ดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ลูกค้าชอบ คำพูดของลูกค้าทำให้ความกดดันเพิ่มอีกร้อยพันเท่า ผมบอกกับตัวเองว่า “ผมทำให้งานเค้าพังไม่ได้”
.
เพราะความแปลกของสคริป ผมเลือกที่จะไม่ส่งสคริปไปให้ทางโปรดักชั่นเฮาส์ แต่กลับขอให้ ผู้กำกับมาเจอผม เพราะสิ่งที่ผมต้องการมันไม่ได้อยู่ในสคริปท์ แต่เป็นการเล่าถึงทัศนคติในการทำงานและสิ่งที่ผมต้องการในงานนี้ เพื่อให้ผมและผู้กำกับทำในสิ่งที่เราทั้งคู่ไม่เคยทำ
.
“พี่อยากให้คณินทำ อยากให้ร่วมกันทำอะไรใหม่ๆ พี่อยากได้อะไรที่แปลกไปเลย” ผมคุยกับผู้กำกับหลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
.
“ชั้นไม่ใช่ญาญ่า” คือคำพูดและก้อนความคิดแรก ที่ผมเริ่มคิด และไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนคำขึ้นต้นของผมเด็ดขาด เพราะนั่นคือแก่นความคิด ที่จะบอกให้คนดูรู้ถึงทัศนคติของสินค้า
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีของการคิดและผลิตงาน มีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถพูดตรงนี้ มีคนที่ผมอยากจะขอบคุณเป็นการส่วนตัว นับไม่ถ้วน ทั้งที่ สมุย เชียงใหม่ พระรามสอง สาทร หนองควาย สะเมิง หางดง แม่ริม
.
1 ปีกว่ากับการทำงาน
3 พรีเซนต์เตชั่นใหญ่
6 เดือนกับการอยู่ตามดอย ร้านกาแฟ ร้านเหล้าในเชียงใหม่
7 วัน กับการหมกตัวทำงานในโรงแรมเซลล์ ย่านพระรามสอง
2 นักเรียนปีสี่ ที่ใช้เวลาหลังเลิกเรียนเข้ามาช่วยทำพรีเซนเตชั่น
6 ชีวิตนักดนตรี ที่ร่วมโชว์
1 ผู้กำกับที่เชื่อในความไม่ปกติของสิ่งที่จะเกิด
50 ชีวิตทีมงาน ที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดกลางกองถ่ายที่สมุย
1 ทีมรีทัช ที่ช่วยไม่เกี่ยง
5 น้องๆ ทั้งเออี ครีเอทีฟ ทราฟฟิก รีทัช ที่มาด้วยใจ
.
ยอดวิวที่ขึ้นวันแรกสองล้านกว่า และเสียงชื่นชมจากคนทั่วไป มันตอกย้ำความเชื่อของผมที่ว่า “ไปในแบบเดิมก็ได้ แต่ขอเดินในจังหวะที่ต่างจากเดิม” มันเกิดขึ้นได้จริง
.
และรางวัลจากการเหนื่อยนี้ ผมต้องยกเครดิตทั้งหมดให้ “ลูกค้า”
ถ้าไม่มี “ลูกค้า” คนที่เปิดใจรับสิ่งที่แตกต่างที่ผมนำเสนอ กล้าที่จะเดินในจังหวะที่แปลกที่ไม่เคยทำ บนรันเวย์ที่ตัวเองขึ้นและลงเป็นประจำ คงไม่มี
.
The Power of Boutique
Woodstock (6.8.18)